ขอพรกับ 6 เทพย่านราชประสงค์รับปีใหม่

 
   
     
 

นอกจากหลายคนจะรู้จัก ราชประสงค์ ว่าคือแหล่งศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ชั้นนำ แต่ทว่าอีกมุมหนึ่งของใจกลางเมืองที่พลุกพล่านแห่งนี้ ยังเป็นศูนย์รวมที่พึ่งพิงทางจิตใจให้กับหลายคน สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ เชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมทัวร์ไหว้ สักการะเทพ 6 องค์ ในย่านราชประสงค์ เพื่อความเป็น สิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัวต้อนรับศักราชใหม่

พระพรหม

นายประสาท ทองอร่าม หรือ ครูมืด ในฐานะไกด์นำทัวร์ เล่าถึงประวัติของ พระพรหมเอราวัณ ซึ่งเป็นจุดแรกในจุดสักการะที่ 1 ให้ฟังว่า พระพรหม เกิดจากสีข้างเบื้องขวาของพระวิษณุ ขณะกำลังบรรทมอยู่บนหลังพญานาคระหว่างที่เดินทางประทับอยู่ ณ เกษียรสมุทร พระพรหมเป็นที่สักการะบูชาอย่างมาก เพราะพระองค์ถือเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งบนโลก พระพรหม คือหนึ่งในสามเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ รวมกับพระวิษณุ และพระศิวะ นอกจากนั้น พระพรหม ยังเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา และพรหมลิขิตของมนุษย์ เพราะพระองค์เต็มไปด้วยความเอื้ออารี และความสงบ ท่านท้าวมหาพรหม ยังรับฟังความปรารถนาของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ เนื่องจากพระองค์มีสี่หน้า ที่คอยสอดส่องดูแลทั้งสวรรค์ และโลกมนุษย์ และยังประทานพรให้กับผู้บูชาที่ซื่อสัตย์กับพระองค์ทุกคน

พระอินทร์

จุดสักการะที่ 2 หน้าศูนย์การค้าอัมรินทร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มี พระอินทร์ ตั้งอยู่นั้น ครูมืดเล่าประวัติว่า พระอินทร์มีพระนามหลากหลายมาก ซึ่งจะเรียกตามลักษณะของท่านคือมีเป็นวัชระ (สายฟ้า) เป็นเทพมหาวุธ พระอินทร์ ถือเป็นเทพที่มีความเกี่ยวพันกับคนไทย ทั้งในทางพุทธศาสนา คือพระอินทร์จะมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน และทางวรรณคดีไทยนั้นก็ปรากฏมีเรื่องราวของพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องในหลายๆ เรื่อง ด้วยพระองค์ทรงเป็นเทพที่อยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กายสีเขียว มี 1,000 ตา พระองค์ทรงเป็นที่เคารพ ในฐานะพระผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์โลก พระองค์ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสุขสมบูรณ์ พระองค์จะประทานสิ่งมงคล ลาภ ยศ สรรเสริญให้กับผู้ที่มาขอพร

พระนารายณ์ทรงสุบรรณ

จุดสักการะที่ 3 บริเวณหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พระนารายณ์ทรงสุบรรณ ครูมือเล่าว่า ในตำนานของไทยเรานั้น พระนารายณ์จะทรงยอดชฎาแบบพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงบรรทมอยู่กลางเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) และพระอินทร์กับพระนารายณ์นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน คือ ถ้ามีเหตุเกิดขึ้นในโลกมนุษย์พระอินทร์จะเป่าสังข์เพื่อปลุกบรรทม เพื่อบอกเหตุให้พระนารายณ์ทราบถึงเหตุบนโลก เพื่อจะได้ทรงมาช่วยแก้ไขปัดเป่าเหตุร้ายให้มนุษย์ และการที่พระนารายณ์ทรงครุฑนั้น ก็มีเรื่องเล่ามาว่า เพราะมารดาครุฑแพ้พนันเรื่องสีของม้ากับมารดาพญานาค มีทางเดียวที่จะไถ่โทษได้คือ ต้องนำน้ำอมฤตจากเทวดามา พญาครุฑจึงไปขโมยน้ำอมฤต แต่เนื่องจากน้ำอมฤตจะกินได้เฉพาะเทวดาเท่านั้น พระอินทร์จึงตามไปขัดขวาง แต่พระอินทร์ก็ไม่สามารถปราบพญาครุฑได้ ร้อนถึงพระนารายณ์ที่ต้องลงมาปราบ แต่ก็ยังไม่ชนะพญาครุฑเช่นกัน ทั้งสองจึงมาเป็นพันธมิตรกัน และให้สัญญาต่อกันว่า เมื่อพระนารายณ์อยู่ที่ไหน พญาครุฑจะต้องอยู่สูงกว่า เมื่อพระนารายณ์เสด็จไหน พญาครุฑก็จะเป็นพาหนะ เฉกเช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งเปรียบดังสมมุติเทพ เวลาที่จะเสด็จไหนก็จะมีธงครุฑนำหน้าขบวนราชรถ หรือพระมหากษัติรย์ทรงประทับอยู่ที่ไหน ก็จะมีธงครุฑแสดงอยู่ ณ จุดนั้น

พระแม่ลักษมี

จุดสักการะที่ 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พระแม่ลักษมี ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณดาดฟ้าชั้น 4 ของศูนย์การค้าเกษร ครูมืดเล่าว่า พระแม่ลักษมี มีตำนานกำเนิดหลายตำนาน บางตำนานก็ว่าท่านกำเนิดจากดอกบัว หรือบางตำนานก็ว่าท่านเกิดจากพิธีกวนน้ำอมฤต เสด็จจากดอกบัว เป็นมเหสีของพระนารายณ์ ดังนั้นพระแม่ลักษมีมักจะอวตารไปเป็นชายาของพระวิษณุอยู่ทุกครั้งไป เช่น พระวิษณุอวตารเป็นพระราม พระแม่ลักษมีก็ตามไปเกิดเป็นพระนางสีดา พระแม่ลักษมีที่ประดิษฐานนี้อยู่ในปางประทานพร พระแม่ลักษมีถือเป็นเทวีแห่งความงดงาม ความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ พระองค์มักประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการ การเจรจาต่อรอง การทำมาค้าขาย การประกอบธุรกิจทุกสาขา ตลอดจนประทานโภคทรัพย์ เงินทอง สมบัติ แก่ผู้หมั่นบูชาพระองค์และประกอบความดีอยู่เป็นนิจ

พระตรีมูรติ

จุดสักการะที่ 5 ก็คือ พระตรีมูรติ เป็นเทพอีกหนึ่งองค์ที่หนึ่งที่ครูมืดบอกวา มีผู้คนแห่มาเคารพบูชามากมาย เพื่อขอให้ประสบความสำเร็จในเรื่องของความรัก ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างอิเซตัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พระตรีมูรติ คืออวตารรวมของพระเป็นเจ้าสูงสุดทั้งสามองค์ในศาสนาพราหมณ์ อันได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้ปกป้องรักษา) และ พระอิศวร (ผู้ทำลาย) โดยพระตรีมูรตินั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคใหม่ เทพเจ้าทั้งสามนี้เทียบเป็นสัญลักษณ์ได้ดังพลังธรรมชาติ ได้แก่ พลังสร้าง พลังรักษา และพลังทำลาย คำว่า "โอม" เป็นสัญลักษณ์ของพระตรีมูรติ โดยเป็นการรวมอักษร (อักษรเทวนาครี) ได้แก่ อะ หมายถึงพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ เทพเจ้าผู้ดำรงรักษา, อุ หมายถึงพระพรหม เทพเจ้าผู้สร้างโลก และ มะ หมายถึงพระศิวะเทพ เทพเจ้าผู้ทำลาย คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการบูชาพระตรีมูรติจะทำให้ชีวิตมีความอุดมสมบูรณ์ ในชีวิต ความรัก และการงาน ความเชื่อของชาวไทยต่อพระตรีมูรติ คือ พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งความรักโดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวที่เคารพ และบูชาพระองค์ ในวันวาเลนไทน์ มักมีผู้คนมากมายมาบูชา และขอพรจากพระตรีมูรติ

"นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เป็นเวลาที่พระตรีมูรติ จะลงมาประทานพร ให้ผู้คนที่บูชาพระองค์ท่าน" ครูมืดกล่าว

สำหรับจุดสักการะเทพองค์สุดท้าย ก็คือ พระพิฆเนศวร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างอิเซตัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประวัติของพระพิฆเนศวรที่ทำให้องค์ท่านมีลักษณะเช่นนี้ ครูมืดเล่าว่า เกิดมาจาก ในขณะที่ พระศิวะ ได้ทำพิธีโสกันต์ และ พระวิษณุเทพพลั้งเผลอเปล่งวาจา "ไอ้ลูกหัวหาย กวนใจจริง" ทำให้เศียรของกุมารหายไป จึงได้มีเทวโองการให้หาเศียรของมนุษย์ที่เสียชีวิตมาต่อให้ แต่ปรากฏว่าในวันอังคารนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดถึงฆาต มีเพียงช้างงาเดียวที่นอนตายอยู่ทางทิศเหนือ จึงตัดเศียรมาต่อให้ และเหตุที่มีงาข้างเดียวนั้น เนื่องจากปรศุรามจะเข้าเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาส ซึ่งกำลังสนทนาอยู่กับนางปราวตี พระคเณศ ไม่ยอมให้ปรศุรามเข้าพบ ปรศุรามโมโหจึงขว้างขวานใส่ ไปยังพระคเณศ พระองค์จึงใช้งาข้างซ้ายรับขวานนั้นแทน ครูมืดยังกล่าวอีกว่า พระพิฆเนศ ถือเป็นเทพเจ้าแห่งสรรพมงคล ทั้งด้านศิลปะ ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ความสมบูรณ์พูนสุข และมีความสำคัญ และผูกพันกับสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน

ใครที่ผ่านไปผ่านมาก็แวะไป ขอพรกับ 6 เทพ รับปีใหม่ ปีเฮงได้ที่ ย่านราชประสงค์

 
     
  ขอบคุณภาพ และข้อมูลจาก  
 


« กลับหน้าหลัก ท่องเที่ยว «